วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ซอฟแวร์

            ซอฟแวร์(software)คือ โปรแกรมหรือชุดคำสั่ง(instruction)ที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆเพื่อให้ทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้

           แบ่งเป็น2ประเภทใหญ่ๆคือ    1.ซอฟแวร์ระบบ(system software)หมายถึงชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆและทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์    2.ซอฟแวร์ประยุกต์(application software)หมายถึง ชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง ซอฟแวร์ประยุกต์อาจเขียนขึ้นโดยใช้โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น เบสิก(Basic) ปาสคาล(Pascal) โคบอล(Cobol) ซี(C) ซีพลัสพลัส(C++) และจาวา(Java)


             ตัวอย่างระบบปฏิบัติการ
1.ระบบปฏิบัติการ ios 4.2


2.ระบบปฏิบัติการ Symbian

3.ระบบปฏิบัติการ Windows

4.ระบบปฏิบัติการ android



               ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ  “Camera360 เป็นแอพถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงบนระบบ Android และ iOS ได้ประกาศความสำเร็จในการระดมทุนในรอบ Series B ซึ่งเป็นผลให้ทาง Camera360 นั้นมีเงินทุนแตะหลัก 18 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว โดยในการระดมทุนรอบใหม่นี้ได้รับการสนับสนุนหลักจากกลุ่มบริษัท SIG (Susquehanna International Group) ของประเทศจีน และความร่วมมือจากผู้ลงทุนรายเดิมอย่าง Gobi Partners และ Matrix Partners”  ปัจจุบันแอพ Camera360 และแอพอื่นๆของ Chengdu Pinguo Technology Co., Ltd มีผู้ใช้งานทั้งหมดถึง 150 ล้านคนทั่วโลก และตอนนี้บริษัท Chengdu Pinguo Technology Co., Ltd มีแอพที่เปิดให้บริการทั้งหมด 9 แอพพลิเคชั่น โดยแอพพลิเคชั่นล่าสุดที่เพิ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ ได้แก่แอพ Audio Camera ซึ่งสามารถบันทึกเสียงสั้นๆ ความยาว 5 วินาทีก่อนที่จะทำการถ่ายรูปได้อีกด้วย

         
            หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยีและสารสนเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มการสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ               และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ



            1.สารสนเทศ(information) หมายถึง ผลลัพธ์ที่ได้จากการนำข้อมูลมาประมวลผล เพื่อให้ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ในการนำไปใช้งานมากขึ้น เช่น ส่วนสูงของนักเรียนหญิงและนักเรียนชายแต่ละคนในชั้นเรียนเป็นข้อมูล จะสามารถสร้างสารสนเทศจากข้อมูลเหล่านี้ได้หลายแบบ เพื่อนำไปใช้ในจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การนำข้อมูลเหล่านี้มาเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย หรือการหาค่าเฉลี่ยของส่วนสูงของนักเรียน

            2.ข้อมูล คือ สิ่งที่ใช้อธิบายคุณลักษณะของวัตถุ เหตุการณ์ กิจกรรม โดยบันทึกจากการสังเกต การทดลอง หรือการสำรวจด้วยการแทนรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น บันทึกไว้เป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ และสัญลักษณ์
 
           3.ข้อมูลกับสารสนเทศแตกต่างกันอย่างไร แตกต่างกันตรงที่ ข้อมูลเป็นเพียงแค่สิ่งที่ใช้อธิบายคุณลักษณะของวัตถุและสิ่งต่างๆ ส่วนสารสนเทศคือผลลัพธ์ที่ได้จากการนำมาประมวลผล


ที่มา:หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาที่4-6

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

6 วิธีการเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างปลอดภัย ได้ของดีมีคุณภาพ

เมื่อพูดถึงเครื่องสำอาง คุณจะนึกถึงผลิตภัณฑ์อะไรกันบ้าง?? ครีม / โลชั่นบำรุงผิว น้ำหอม โคโลญจน์ เมคอัพแต่งหน้าต่างๆ น้ำยาทาเล็บ/ล้างเล็บ ผลิตภัณฑ์แต่งผม ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย สบู่ แชมพู ครีมนวดผม ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก…ไปจนถึงผ้าอนามัย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เด็ก ผู้ใหญ่ไปจนถึงวัยชรา ต่างก็ต้องใช้เครื่องสำอางอยู่ทุกวัน และยิ่งสมัยนี้ เครื่องสำอางนวัตกรรมใหม่มีมากมาย ดังนั้น เราก็ควรจะรู้ถึงวิธีการเลือกเครื่องสำอางอย่างปลอดภัย เพื่อให้สามารถเลือกซื้อ-เลือกใช้ได้อย่างไร้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและยาว ที่อาจจะเกิดกับใบหน้าและผิวของเรา ดังนั้น เราจึงได้นำวิธีการง่ายๆในการเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างปลอดภัยมาฝาก ที่มีวิธีการเลือกซื้อเลือกใช้ดังนี้ค่ะ
การเลือกเครื่องสำอางอย่างปลอดภัย

วิธีการเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างปลอดภัย

1. ก่อนอื่นเลยต้องดูว่าเป็นเครื่องสำอางเถื่อนมั๊ย ดูจากเครื่องหมายรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ ปัจจุบันนี้ เครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานควรได้การรับรองคุณภาพจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดังนั้นเวลาซื้อควรดูเครื่องหมาย อย.บนฉลากซะก่อน ถ้าไม่มีอย่าซื้อเด็ดขาด เพราะเครื่องสำอางที่ไม่ผ่านการตรวจสอบอาจเป็นเครื่องสำอางเถื่อน และผสมสารต้องห้ามที่มีพิษต่อร่างกาย คงไม่คุ้มกันแน่…กับปัญหาหน้าพัง!! ถ้าคิดจะซื้อมาใช้
2. ให้ดูวันหมดอายุ ส่วนผสม ชื่อบริษัทผู้ผลิต ที่อยู่ หรือบริษัทผู้นำเข้า
เริ่มดูจากวันหมดอายุและวันผลิตที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ โดยทั่วไปเครื่องสำอางมีอายุหลังการผลิตนานถึง 3-5 ปีเชียวล่ะ แต่นั่นคืออายุของประสิทธิภาพเครื่องสำอางขณะที่คุณยังไม่เปิดใช้ แต่ถ้าหากเปิดใช้แล้วมันก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นและมีอายุการใช้งานน้อยลง (ดูเพิ่มเติมที่: อายุเครื่องสำอางแต่ละชนิดที่เปิดใช้แล้ว) ดังนั้น เราควรเขียนวัน/เดือน/ปี ที่เราเปิดใช้ครั้งแรกเอาไว้ที่เครื่องสำอาง เพื่อจะได้เตือนความจำ และเช็คอายุเครื่องสำอางได้ง่ายขึ้น
จากนั้นก็มาดูส่วนผสม ซึ่งจะบอกได้ว่าในเครื่องสำอางที่เรากำลังจะควักเงินซื้อนั้น มีส่วนผสมที่เราแพ้หรือไม่ เช่น บางคนอาจแพ้เครื่องสำอางที่มีน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ชื่อบริษัทผู้ผลิต ที่อยู่ หรือบริษัทผู้นำเข้า เป็นอีกส่วนที่ควรใส่ใจ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบของเจ้าของผลิตภัณฑ์ ในกรณีที่มีปัญหาในการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือเกิดอันตรายจากเครื่องสำอางนั้น จะได้โทรไปสอบถามหรือร้องเรียนผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าได้
3. ต้องให้ความสำคัญกับการอ่านฉลากวิธีใช้
- ต้องศึกษาวิธีใช้อย่างละเอียด เพื่อที่จะได้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า และปลอดภัย ว่าควรใช้ในปริมาณเท่าใด กี่ครั้งต่อวัน ใช้ที่จุดไหนของร่างกาย เพื่อให้ใช้ได้ถูกต้อง เช่น ครีมบำรุงผิวหน้าบางชนิดต้องใช้ทาก่อนนอน เพื่อมิให้ถูกแสงแดด เพราะแสงแดดอาจกระตุ้นให้เกิดอาการข้างเคียง ที่ไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้น หากไม่ศึกษาวิธีใช้ให้ถี่ถ้วน ทาครีมนี้ตามความพอใจ หากทาตอนกลางวันแล้วถูกแสงแดด ก็อาจจะกลับกลายเป็นผลเสีย เพราะใช้ไม่ถูกวิธีนั่นเอง
- สำหรับคนที่แพ้ง่าย แนะนำว่า ควรพยายามหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม ซึ่งเครื่องสำอางหลายยี่ห้อจากต่างประเทศ จะมีระบุชัดอยู่ในบรรจุภัณฑ์ว่า “Alcohol Free” แปลว่าในเครื่องสำอางชิ้นนั้นปราศจากแอลกอฮฮล์ แต่เครื่องสำอางที่ผลิตในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีแจ้งแบบนี้
4. ระมัดระวังข้อควรระวังหรือคำเตือนบนฉลาก
- เครื่องสำอางบางชนิดจะต้องแสดงคำเตือนที่ฉลากด้วย แสดงว่าต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ดังนั้น ควรศึกษาคำเตือน ให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- เครื่องสำอางบาง ประเภทมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย หากผู้บริโภคใช้ไม่ถูกวิธี กฎหมายจึงมีข้อกำหนดที่เข้มงวดกว่าเครื่องสำอางทั่วไปคือ จัดเป็นเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ และเครื่องสำอางควบคุม โดยจะต้องมีข้อความแสดงประเภท ของเครื่องสำอางที่ฉลากอย่างชัดเจน ผู้บริโภคควรใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
5. ทดสอบการแพ้เครื่องสำอางก่อนตัดสินใจซื้อ มีเครื่องสำอางหลายประเภทที่แม้จะเป็นยี่ห้อดียี่ห้อดัง มีตรารับรองมาตรฐาน ก็อาจไม่ถูกกับผิวของคุณได้ เพราะผิวของแต่ละคนก็แพ้เครื่องสำอางแตกต่างกัน ดังนั้น คุณจึงควรทดสอบก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากการดูที่ส่วนผสมแล้ว คุณควรทดสอบการแพ้เครื่องสำอางด้วยตัวเองด้วยวิธีง่ายๆและเป็นวิธีที่ถูกต้องคือ ให้นำเครื่องสำอางที่ต้องการจะซื้อ มาป้าย ฉีด ยา หรือทา ลงบริเวณผิวเนื้ออ่อนๆ อย่างหลังใบหูหรือท้องแขน อย่างน้อยที่สุดจะต้องใช้เวลา 20 – 30 นาที ถ้าหากเกิดอาการแพ้ ผิวหนังบริเวณนั้นจะมีปฏิกิริยา เช่น เกิดรอยแดง ผื่น หรือรู้สึกระคายเคือง ดังนั้น หากจะเทสต์จริงๆ ไปขอเทสต์ก่อน (เพื่อทิ้งระยะให้สารเคมีทำปฏิกิริยาสักนิด) จากนั้นไปเดินดูของอื่นๆ จนจะกลับ หากผิวไม่แพ้จึงค่อยกลับไปซื้อค่ะ
วิธีเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างปลอดภัย
6. ซื้อเครื่องสำอางจากแหล่งขายที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นที่เคาน์เตอร์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าต่างๆ รวมถึงตลาดนัด ในปัจจุบันเรายังพบช่องทางการขายเครื่องสำอางออนไลน์ตามเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย อย่างไรก็ตาม ในความหลากหลายของแหล่งซื้อขายนี้ย่อมมีทั้งดีและไม่ดี คุณก็ควรพิจารณาแหล่งซื้อขายที่มีความน่าเชื่อถือ มีสถานที่ตั้งและช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน มีบริการที่ดีทั้งในระหว่างการขายและหลังการขาย และแน่นอนว่าต้องขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ และเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นั้นๆ อย่างถูกต้อง ซึ่งวิธีพิจารณาต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราห่างไกลจากโอกาสเสี่ยงที่เราจะเจอผลิตภัณฑ์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน เกิดการแพ้ และไม่สามารถเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้ขายได้
นอกจากนี้ สาวๆควรรู้จักกับความหมายของเครื่องสำอางตามกฏหมายก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพื่อที่จะได้ไม่หลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริง พวกเครื่องสำอางเถื่อนและปลอมทั้งหลาย ดังนี้คือ ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 โดยมีคำจำกัดความ ตามกฎหมายว่า หมายถึง วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใด ต่อส่วนหนึ่ง ส่วนใดของร่างกายมนุษย์ เพื่อความสะอาด ความสวยงาม หรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงาม และรวมตลอดทั้งเครื่องประทิ่นผิวต่างๆ แต่ไม่รวมถึงเครื่องประดับและเครื่องแต่งตัวซึ่งเป็นอุปกรณ์ภายนอกร่างกาย”
พอจะสรุปอย่างง่ายๆ ได้ว่า
“เครื่องสำอางต้องเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์ เพื่อความสะอาด และความสวยงาม เท่านั้น ผลิตภัณฑ์ที่กล่าวอ้างสรรพคุณเกินกว่านี้ เช่น อ้างว่าสามารถบำบัด บรรเทา รักษาโรค ป้องกันโรค หรือมีผลต่อโครงสร้าง หรือการกระทำหน้าที่ต่างๆของร่างกายอันเป็น สรรพคุณทางยา ผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องจัดเป็นยา ไม่ใช่เครื่องสำอาง”
ตัวอย่างเช่น โลชั่นปลูกผม ครีมเสริมสร้างทรวงอก ครีมลดไขมัน สบู่ลดความอ้วน โลชั่นกระชับจุดซ่อนเร้น ครีมฆ่าเชื้อโรค ลดอาการผิวหนังอักเสบ แก้คัน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีการแสดงสรรพคุณทางยา ต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาและปฎิบัติตามพระราชบัญญัติยาฯที่มีความเข้มงวดกว่าพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง ฯค่ะ
สำหรับวิธีการเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างปลอดภัยที่ได้แนะนำไว้ข้างต้นนี้ ยังไงสาวๆก็อย่าลืม ลองนำไปทำตามนะค่ะ รับรองว่า…เพียงเท่านี้สาวๆ ก็สามารถหาซื้อและใช้เครื่องสำอางได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัยแล้วล่ะ
ที่มา:http://bkkseek.com/6-

ทายนิสัยผู้หญิงจากทรงผม

สาวผมยาวมากๆ = สาวท่านใดที่ไว้ผมยาวตรงๆ หรือ ดัดเป็นลอนอ่อน แต่มีขนาดของความยาวที่ค่อนข้างมากเลยกลางหลังลงไปจนถึงระดับบั้นเอว หรือเธอมีความสามารถที่เลี้ยงผมให้ยาวกว่านั้นได้ บ่งบอกถึง เป็นคนที่มีความรักอิสระเป็นอย่างสูง มีพลังแห่งความเป็น สตรี และมีนิสัย ของหญิงเกินร้อยเปอร์เซนต์ ชอบในเรื่องของการสรรหาความบันเทิงเริงใจ ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวยามราตรี มีรสนิยมที่ค่อนข้างสูง มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นสาวช่างฝัน มีอารมณ์แจ่มใสอยู่เสมอ เชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ และเป็นคนที่มีนิสัยของความอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา อะไรก็ตามที่เธอคาราคาซังอยู่ในใจ สมองหรือความคิดของเธอนั้น สามารถที่จะโฟกัสไปยังสิ่งเหล่านั้น โดยที่คนรอบข้างอาจจะไม่ทันตั้งตัว หรือ ระวังได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ด้วยซ้ำ

สาวผมยาวเลยบ่า แต่ไม่เกินกลางหลัง = สำหรับสาวท่านใดที่เลี้ยงผมไว้เลยบ่า แต่ไม่ยาวไปถึงกลางแนวหลังของลำตัว บ่งบอกนิสัยได้ว่าเธอเป็นคนเที่ยงตรง ตรงต่อเวลา มีความซื่อตรงเป็นอย่างดี รักในความอิสระ และมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง บางทีหน้าตาหวาน สวย แต่จะมีจุดยืนที่เป็นทัศนะคติของตัวเธอเอง แต่อาจจะไม่ค่อยชอบระเบียบกฏเกณฑ์ อะไรมากมายนัก เกลียดหนักหนา กับการที่โดนชี้หน้า หรือไม่ชอบให้ใครออกคำสั่งกับตัวเองบ่อยๆ แต่ถ้าจะมีการออกคำสั่งจะต้องมีวาทะศิลป์ในการพูดกับเธอ เธอไม่ได้ถือว่าเป็นคนดื้อด้านมากอะไรนัก เป็นคนที่ขยันในการประกอบอาชีพการงาน และเป็นคนที่มีความรับผิดชอบในด้านหน้าที่การงานเป็นอย่างสูง รักและชอบในการเดินทางท่องเที่ยว และชอบเรียนรู้กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ตลอดเวลาในรอบๆ ตัวของเธอ

สาวผมยาวและดัด = สำหรับสาวใดที่ไว้ทรงผมยาวและดัด ให้นึกถึงทรงของนางงาม ไว้ได้เลย จะดัดผมเป็นคลื่นหรืออาจจะเป็นลอนเสมอกัน มักจะเป็นคนที่ชอบความตื่นเต้น เร้าใจ ไม่ชอบความเบื่อหน่าย หรือซ้ำซาก จำเจ บุคลิคและนิสัยใจคอเป็นคนที่ชอบความร่าเริงสนุกสนาน สามารถมีมนุษย์สัมพันธ์ และเข้ากับคนได้ง่าย มีความโรแมนติก แต่ออกจะมีข้อเสียคือ มีความขี้หึง ตามนิสัยของความเป็นหญิง ช่างพูดเจรจา ฉอเลาะ แต่มีข้อเสียในบางครั้ง อาจจะเก็บความลับไม่ค่อยอยู่ อันเนื่องมาจากเธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะพูดเก่ง หรือพูดมากเสียจนเกินไป

สาวผมสั้น = สำหรับสาวที่ไว้ผมสั้น อาจจะเป็นบ๊อบสั้น หรือว่าซอยสั้น เหมือนผู้ชาย แต่อาจจะแอบซ่อนความหวาน หรือ ความเป็นสตรี เอาไว้เล็กๆ นั้น เป็นคนที่รักในความเที่ยงตรง รักในความยุติธรรม รักความก้าวหน้าในเรื่องของหน้าที่การงาน เป็นคนที่มีการดำรงค์ชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่าย ทำอะไรเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการ กิน เดิน นั่ง หรือทำงาน ปราดเปรียว และรักในความสะดวกสบาย ไม่ชอบความจุกจิกจู้จี้ นิสัยติดจะออกเหมือนผู้ชายคือ ความแคล่วคล่องว่องไว มีสมองอันปราดเปรื่อง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ชอบในการออกสังคม และชอบใช้อุปกรณ์ ต่างๆ รอบๆ ตัวเช่น นาฬิกา โทรศัพย์ มือถือ และแว่นตา ที่ค่อนข้างทันสมัย

ผมสั้น แต่มีการดัดหยิกไว้ด้วย = สำหรับสาวที่ไว้ผมสั้น ไม่เกินบ่า และมีการดัดหยิก หรือว่ามีการดัดเป็นลอนไว้ด้วย เป็นทรงผมของคนที่มีความกระตือรือร้นสูง มีความทะเยอทะยาน ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่ มีความดื้อเงียบอยู่ในตัว มีเหตุผล และมีการเจรจาที่แคล่วคล่องว่องไว การต่อรองเก่ง และเก่งมากกับงานในลักษณะของด้านการตลาด หรือการติดต่อสื่อสาร แก้ปัญหา หรือมีความเป็นผู้นำที่ค่อนข้างสูง รักในความที่เป็นตัวของตัวเอง มีจุดยืน และฉลาดปราดเปรียว ไม่ชอบที่จะอยู่นิ่ง แต่แอบจะมีความเจ้าชู้ และขี้เบื่อง่าย

ผมรวบ รัดไว้ข้างหลัง = สำหรับสาวใดที่มีผมยาวเลยบ่า ถึงกลางหลัง และมักจะไม่ปล่อยไว้เป็นทรงสวยงาม แต่มักจะใช้หนังยาง หรือเชือกรวบผมไว้ที่ท้ายทอย เสมอ ไว้จนเป็นนิสัยนั้น ลึกๆ แล้วเธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แต่ความคิดความอ่านหรือสังคมอาจะไม่ได้กว้างไกลเกินไปนัก ภาพรวมแล้วเป็นคนที่มีจิตใจที่ค่อนข้างดี ไม่อาฆาตใคร มีความเป็นมิตรไมตรีกับสังคม หรือว่าคนรอบข้างได้เสมอ ( บางครั้งจะมองผิวเผินได้ว่า เป็นคนอ่อนต่อโลก หรือว่าไม่ค่อยจะทันคน ) นิสัยใจคอโดยทั่วไป มักจะเป็นคนที่ดำเนินชีวิตเรียบง่าย ชอบอะไรง่ายๆ ไม่ชอบความเป็นผู้นำ ทำอะไรหรือต่อกลอนกับใครไม่ค่อยได้ และมักจะไม่ชอบความขัดแย้งกันในสังคม มักจะวางตัวเป็นผู้ตามมากกว่าความเป็นผู้นำ ข้อเสียคือ เป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย กับเรื่องราวต่างๆ มักตัดสินใจไม่เด็ดขาดหรือมีความลังเล อยู่พอสมควร แต่ข้อดีคือ เป็นคนที่มีความเตรียมพร้อมที่ดีในเรื่องของการงาน แต่ก็อีกนั่นแหละ อาจจะขาดความละเอียดอ่อนหรือรอบคอบได้อีกด้วย

สาวที่เกล้าผม = สำหรับสาวใดที่ชอบเกล้าผม ไม่ว่าจะเป็นผมมวย ผมทรงก้นห้อย ไว้ที่ด้านหลัง หรือไว้ที่ท้ายทอย โดยการที่ไม่ได้ปล่อยชายผมออกมา หรือมักจะเก็บชายผม ให้แนบเนียนนั้น เป็นคนฉลาด และมีสติปัญญาที่เฉียบแหลม ดีมากๆ มีอุดมการณ์ความคิด มีความกล้า และมีความเป็นผู้นำ มีจุดยืนที่บ่งบอกออกมาค่อนข้างชัดเจน แต่ข้อเสียคืออาจจะเป็นคนที่ไม่ชอบเปิดเผยความเป็นไปของตัวเองให้คนรอบข้างหรือสังคมรับรู้ เรื่องราวต่างๆ ในชีวิตตัวเอง จนคนรอบข้าง บางทีจะมองได้ว่าเธอค่อนข้าง ลึกลับ เป็นคนฉลาดที่เลือกคบเพื่อนฝูง และบริวาร เป็นคนที่เก็บความลับได้เก่ง เข้าใจผู้คนได้ง่าย สามารถเรียนรู้ใจเขาใจเรา และมีซิกเซ้นต์ ได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะยากนักกับการที่ผู้คนรอบข้างจะเรียนรู้จิตใจของเธอว่า ที่จริงแล้วเธอเป็นคนเช่นไร

ที่มา:https://www.facebook.com/girlgroupclub?ref=stream

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สวัสดีค่ะ

สวัสดีค่ะ
ชื่อ น.ส.กัญญาลักษณ์ วงษ์เจริญ
ชื่อเล่น มิ้น
เกิด 18 ม.ค. 38
อายุ 18ปี
บ้านเลขที่ 86/1 หมู่13 บ้านคลองเจ้า ต.คลองหลวงแพ่ง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000
อยู่ ม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมสึกษาพัฒนาการ สุวินทวงศ์
เราเป็นติ่ง อซฟ กะเบบี้
อนาคตอยากเป็นนักโบราณคดี