วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Deliberate Software Attacks


 การโจมตีซอฟต์แวร์ (Deliberate Software Attacks)  เกิดขึ้นโดยการออกแบบซอฟต์แวร์ให้โจมตีระบบจากคนๆ เดียวหรือจากกลุ่มคนมีซอฟต์แวร์ที่ก่อความเสียหาย ทำลาย หรือ ปฏิเสธการบริการของระบบเป้าหมาย ซอพต์แวร์ที่ได้รับความนิยมคือ Malicious Codeหรือ Malicious Software มักจะเรียกว่า มัลแวร์ (Malware) มีมากมาย อาทิ ไวรัส (Viruses) เวิร์ม (Worms) ม้าโทรจัน (Trojan Horses) Logic bombs และ ประตูหลัง (Back doors)
มัลแวร์ (Malware) มาจากคำว่า Malicious Software แปลตามตัวได้ว่า "ซอฟต์แวร์ประสงค์ร้าย" กล่าวคือ เป็นซอฟต์แวร์ใดๆก็ตามที่พยายามเชื่อมต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปใช้สิทธิ์โดยปราศจากการขออนุญาต และทำให้เกิดผลเสียหายตามมา เช่นทำลายข้อมูล ขโมยข้อมูล หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ถูกคุกคามนี้ทำงานตามความต้องการ เป็นต้น มัลแวร์ถูกแบ่งได้หลายประเภทขึ้นอยู่ลักษณะการทำงานและอันตรายที่เกิดขึ้น ซึ่งมีตัวอย่างดังต่อไปนี้

1.Virus (ไวรัส) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้สามารถแพร่กระจายตัวเองจากไฟล์หนึ่งไปยังไฟล์อื่นๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยปกติแล้วไวรัสคอมพิวเตอร์ไม่สามารถแพร่กระจายจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องอาศัย "ไฟล์พาหะ หรือ host file" เป็นไฟล์ที่ถูกไวรัสคอมพิวเตอร์ฝังตัวอยู่ 
2.Worm (หนอน) เป็นสิ่งมีชีวิตในโลกไซเบอร์ที่สร้างผลกระทบรุนแรงต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หนอนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมเล็กๆที่มีความสามารถที่จะแพร่กระจายในะระบบเครือข่ายได้ด้วยตัวมันเอง 

3. Trojan horse (ม้าโทรจัน) หมายถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกบรรจุเข้าไปในคอมพิวเตอร์ เพื่อลอบเก็ข้อมูลของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น เช่น ข้อมูลชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน เลขที่บัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่แฮกเกอร์จะส่งโปรแกรมเข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อดักจับข้อมูลดังกล่าว แล้วนำไปใช้ในการเจาะระบบ และเพื่อโจมตีคอมพิวเตอร์
4.Back Door or Trap Door (ประตูหลัง)ในทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง รูรั่วของระบบรักษาความมั่นคงที่ผู้ออกแบบหรือผู้ดูแลจงใจทิ้งไว้ โดยเป็นกลไกลลับทางซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ใช้ข้ามผ่านการควบคุมความมั่นคง เพื่อเปิดทางให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถเข้ามาในระบบและก่อความเสียหายได้
5.Polymorphism เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ได้รับการพัฒนาให้มีความยากในการตรวจจับ อาจจะใช้เวลาหลายวันในการสร้างโปรแกรมตรวจจับ เพื่อจัดการกับ polymorphism เพราะมันใช้เทคนิคการซ่อนลักษณะเฉพาะที่สำคัญ (signatures) ไม่ให้คงรูปเดิม เพื่อหลีกจากการตรวจจับของโปรแกรมแอนตี้ไวรัส
6.Virus and Worm Hoaxes (ไวรัสและหนอน) เป็นรูปแบบของการหลอกลวงผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทำให้เสียเงินเสียเวลาในการวิเคราะห์ โดยไวรัสหลอกลวงจะมาในรูปจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เตือนให้ระวังอันตรายจากไวรัส ด้วยการอ้างแหล่งข้อมูลเป็นรายงานที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้รับส่งต่อจดหมายเตือนฉบับนั้นต่อๆไปอีกหลายๆทอด

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ครีเอฟทีฟคอมมอนส์

1.Creative Commons เป็นชื่อเรียกองค์กร จัดตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการกับระบบหรือวิธีการหรือเงื่อนไขการใช้ข้อมูลโดยไม่ถูกจำกัดจากสัญญาอนุญาต โดยจะแบ่งสัญญาอนุญาตออกเป็นกลุ่มย่อยเพื่อการนำไปใช้ภายใต้หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ทำการกำหนดขึ้นมา จึงทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถให้สิทธิบางส่วนแก่ผู้ใช้งาน (แต่ยังคงสิทธิบางส่วน) ปัจจุบันมีประเทศที่เข้าร่วมถึง ๕๑ ประเทศ 


2.สำหรับสัญญาครีเอฟทีฟคอมมอนส์ในภาษาไทย จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือของ สำนักกฎหมายธรรมนิติ สถาบัน ChangeFusion และสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยรองรับตามหลักเกณฑ์ครีเอทีฟคอมมอนส์ รุ่น 3.0 และปรับให้เข้ากับกฎหมายลิขสิทธิ์ไทย จึงสามารถใช้บังคับได้ตามกฎหมายไทย ประกาศเปิดตัวเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552 เป็นลำดับที่ 51 ของโลก

3.

สัญลักษณ์แสดงสัญญาครีเอทีฟคอมมอนส์ มีดังนี้ 
CC BY 
สัญลักษณ์นี้หมายความว่า อนุญาตให้บุคคลอื่น แจกจ่าย แก้ไข ดัดแปลง ผลงานของผู้สร้างสรรค์ได้ กระทั่งการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ตราบเท่าที่ยังให้เครดิตแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้นฉบับ
CC BY SA 
สัญลักษณ์นี้หมายความว่า อนุญาตให้บุคคลอื่น แจกจ่าย แก้ไข ดัดแปลง ผลงานของผู้สร้างสรรค์ได้ กระทั่งการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ตราบเท่าที่ยังให้เครดิตแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้นฉบับและใช้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในแบบเดียวกันกับผู้สร้างสรรค์ ในผลงานที่เขาสร้างสรรค์ต่อจากงานสร้างสรรค์นี้
CC BY ND 
สัญลักษณ์นี้หมายความว่า อนุญาตให้บุคคลอื่น แจกจ่าย ผลงานของผู้สร้างสรรค์ได้ กระทั่งการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ตราบเท่าที่ยังให้เครดิตแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้นฉบับและไม่ดัดแปลงแก้ไขผลงานดังกล่าว
CC BY NC 
สัญลักษณ์นี้หมายความว่า อนุญาตให้บุคคลอื่น แจกจ่าย แก้ไข ดัดแปลง ผลงานของผู้สร้างสรรค์ได้ ตราบเท่าที่ยังให้เครดิตแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้นฉบับและไม่นำผลงานไปใช้ในเชิงพาณิชย์
CC BY NC SA 
สัญลักษณ์นี้หมายความว่า อนุญาตให้บุคคลอื่น แจกจ่าย แก้ไขดัดแปลง ผลงานของผู้สร้างสรรค์ได้ ตราบเท่าที่ยังให้เครดิตแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้นฉบับและไม่นำผลงานไปใช้ในเชิงพาณิชย์และใช้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในแบบเดียวกันกับผู้สร้างสรรค์ ในผลงานที่เขาสร้างสรรค์ต่อจากงานสร้างสรรค์นี้
CC BY NC ND 
สัญลักษณ์นี้หมายความว่า อนุญาตให้บุคคลอื่นแจกจ่ายผลงานของผู้สร้างสรรค์ได้ ตราบเท่าที่ยังให้เครดิตแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้นฉบับและห้ามดัดแปลงแก้ไขผลงาน รวมทั้งไม่นำผลงานไปใช้ในเชิงพาณิชย์
ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์ประสงค์เผยแพร่ผลงานให้คนอื่นสามารถนำไปใช้ได้เลย โดยไม่มีเงื่อนไข สามารถทำได้โดยอนุญาตแบบ public domain 

4. การสร้างไฟล์รูปภาพ Creative Commons 

1. คลิกเรียกใช้งานโปรแกรม โฟโต้สเคป (PhotoScape) จากนั้นจึงคลิกไอคอน แก้ไขภาพเป็นกลุ่ม

   หากท่านยังไม่มีโปรแกรมนี้สามารถคลิก ดาวน์โหลดโปรแกรม PhotoScape


2. เมื่อคลิกเลือกไอคอน แก้ไขรูปภาพเป็นกุล่ม โปรแกรมจะแสดงเครื่องมือการใช้งานในหน้าต่างใหม่ ดังรูป


3. ค้นหาโฟลเดอร์ที่เราเก็บภาพของเราที่ต้องการนำมาทำเป็น Photo Gallery ในกรอบสีแดง
จากนั้นคลิกเราคลิกเลือกโฟลเดอร์นั้น รูปและไฟล์ต่างๆ ที่อยู่ในโฟลเดอร์นั้นจะแสดงในช่องกรอบสีเขียว ดังรูป


4. รูปที่เราเลือกมาจะแสดงเป็นรายการโดยจะแสดงชื่อของไฟล์ในช่องกรอบสีแดงดังรูป เราสามารถคลิกเลือกรูปที่ไม่ต้องการแล้วกดปุ่ม delete บนแป้นคีย์บอร์ดเพื่อลบไฟล์รูปนั้นออกได้

5. ลำดับต่อไปเราจะมาเลือกรูปแบบของกรอบรูปภาพของเรากัน ซึ่งโปรแกรมนี้ก็จะมีให้เราเลือกอยู่หลายแบบด้วยกัน หากไม่ต้องการให้มีกรอบก็เลือก ไม่มีกรอบ


 6.การกำหนดชื่อ เราสามารถตั้งชื่อไฟล์ใหม่ที่จะแปลงได้ โดยสามารถเลือกรูปแบบของชื่อไฟล์ที่ต้องการได้ในกรอบสีแดง

5 ปริ๊นสกรีน สัญลักษณ์ Creative Commons
เป็นเว็บโรงเรียนต่างๆที่มาอยู่รวมกันโดยที่เราไม่ต้องไปกดค้นหาหลายครั้ง เว็บนี้จะรวมเกือบทุกโรงเรียนไว้






วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

  ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย (โหนดเครือข่าย) จะใช้สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดีคืออินเทอร์เน็ต


         ตัวอย่างอุปกรณ์ในเครือข่าย

1.สายสัญญาณ เป็นสายสำหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆในระบบเข้าด้วยกัน หากเป็นระบบที่มีจำนวนเครื่องมากกว่า 2 เครื่องก็จะต้องต่อผ่านฮับอีกทีหนึ่ง โดยสายสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อเครื่องในระบบเครือข่าย จะมีอยู่ 2 ประเภท

2.การ์ดเครือข่าย (Network  Adapter) หรือ การ์ด LAN เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างเครื่องต่างกันได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นหรือยี่ห้อเดียวกันแต่หากซื้อพร้อมๆกันก็แนะนำให้ซื้อรุ่นและยีห้อเดียวกันจะดีกว่า

3.เกตเวย์ (Gateway) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์หน้าที่หลักคือช่วยให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์  2 เครือข่ายหรือมากกว่า ซึ่งมีลักษณะไม่เหมือนกันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้เหมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน

          ตัวอย่างซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย

วินโดวส์ 2000 (อังกฤษ: Windows 2000) เป็นระบบปฏิบัติการมาจากสายผลิตภัณฑ์วินโดวส์เอ็นทีโดยออกแบบสำหรับธุรกิจ ซึ่งเป็นรุ่นต่อจากวินโดวส์เอ็นที 4.0 ซึ่งได้ออกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) จากนั้นวินโดวส์เอกซ์พี ได้รับช่วงต่อในปี พ.ศ. 2544 และวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 ในปี พ.ศ. 2546


1. เครือข่ายแบบบัส (bus topology) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยสายเคเบิ้ลยาว ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ โดยจะมีคอนเน็กเตอร์เป็นตัวเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เข้ากับสายเคเบิ้ล ในการส่งข้อมูล


2. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน (ring topology)
เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบิลยาวเส้นเดียว ในลักษณะวงแหวน การรับส่งข้อมูลในเครือข่ายวงแหวน จะใช้ทิศทางเดียวเท่านั้น เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งส่งข้อมูล มันก็จะส่งไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องถัดไป

3. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว(Star Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เข้ากับอุปกรณ์ที่เป็น จุดศูนย์กลาง ของเครือข่าย โดยการนำสถานีต่าง ๆ มาต่อร่วมกันกับหน่วยสลับสายกลางการติดต่อสื่อสารระหว่างสถานีจะกระทำได้ ด้วยการ ติดต่อผ่านทางวงจรของหน่วยสลับสายกลางการทำงานของหน่วยสลับสายกลางจึงเป็นศูนย์กลางของการติดต่อ